รู้หรือไม่? ขายของออนไลน์ต้องเสียภาษีแบบไหนบ้าง

การขายของออนไลน์เป็นวิธีหารายได้ที่ติดอันดับต้น ๆ ในปัจจุบัน เพราะสะดวก รวดเร็ว เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า การขายของออนไลน์ก็ต้องเสียภาษีเหมือนกัน โดยวันนี้เราจะพาพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มาดูกันว่า จะต้องเสียภาษีแบบไหนบ้าง เพื่อที่จะได้เปิดกิจการของคุณแบบถูกกฏหมายและไม่มีปัญหาใด ๆ กวนใจในภายหลัง

กำไรของธุรกิจ

หากเจ้าของกิจการไม่รู้กำไรของธุรกิจว่าธุรกิจของคุณมีกำไรหรือไม่ และต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นไปด้วย นั่นหมายถึงกำไรที่มีอยู่ก็จะน้อยลง หรือขาดทุนเพิ่มขึ้นนั่นเอง ซึ่งกำไรของธุรกิจจะเชื่อมโยงกับ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม เจ้าของจำเป็นต้องรู้ข้อมูลของตนเองก่อน เมื่อถูกสรรพากรเรียกตรวจสอบจะได้แจกแจงที่มาของรายได้ได้อย่างชัดเจน

การแยกบัญชีธุรกิจและการจัดการเอกสาร

เพียงแค่บัญชีรายรับรายจ่ายนั้นไม่เพียงพอ การจัดการภาษีขายของออนไลน์ให้ง่ายมากขึ้นคือ การแยกบัญชีส่วนตัวกับการจัดการเอกสารหลักฐานบัญชีธุรกิจ

การแยกบัญชีธุรกิจออกเป็นการทำให้เราเห็นตัวเลขของบัญชีได้ดีมากขึ้น ซึ่งแสดงถึงรายรับและรายจ่ายของธุรกิจของเราได้ดียิ่งขึ้น เราจะสามารถประเมินธุรกิจของเราได้ดีมากขึ้นและรู้ถึงกำไรที่แท้จริง หากถูกตรวจสอบเราสามารถยื่นเอกสารได้อย่างง่ายดายและไม่กระทบถึงเงินส่วนตัวของเราอีกด้วย

  • สรรพากรมีอำนาจตรวจสอบผู้ที่เสียภาษีไม่ถูกต้อง ไม่เกี่ยวกับธนาคารส่งข้อมูลให้สรรพากร 
  • หากสรรพากรตรวจสอบจริง ๆ และหากเราผิดจริง ๆ สรรพากรสามารถเห็นทางเลี่ยงภาษีของเราได้อย่างแน่นอน 

ภาษีของการขายของออนไลน์

1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ผู้ค้าออนไลน์ทั่วไปต้องเสียภาษีเช่นเดียวกับมนุษย์เงินเดือนทั่วไป โดยยื่นแบบฟอร์ม ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.94 ซึ่งจะมี 2 ช่วง ได้แก่

  • ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. สรุปรายได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในปีก่อนหน้านี้
  • ยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 ช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. สรุปรายได้ที่เกิดขึ้นช่วงครึ่งปีภาษีแรกที่ผ่านมา

เมื่อเรารู้รายได้ของเราแล้วเราจะหักค่าใช้จ่ายของภาษีระหว่างค่าใช้จ่ายเหมา 60 % เช่นพวกซื้อมาขายไป กับเลือกหักค่าใช้จ่ายจริงในการคำนวณภาษีตามเอกสารที่เรามี การวางแผนการลดหย่อนภาษีก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราต้องเตรียมไว้ ค่าลดหย่อนภาษีคือรายการที่กฎหมายกำหนดไว้ให้นำไปหักออกจากเงินได้เพิ่มขึ้นหลังจากที่หักค่าใช้จ่ายแล้ว กำไรที่แท้จริงของธุรกิจหลังจากที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้นเป็นเท่าไร ซึ่งเราต้องใช้ รายได้ – ค่าใช้จ่ายจริง – ภาษี จะได้จำนวนรายได้จริง ซึ่งจะทำให้ทราบถึงรายได้จริงที่เราควรจะได้

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

คือ หากมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทและไม่ได้ประกอบธุรกิจที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มต้องรีบจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภายใน 30 วัน) ไม่อย่างนั้นจะถือว่ามีความผิด 

จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าใครก็ตามก็ต้องเสียภาษีเหมือนกันหมด ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาคุณอาจจะไม่ได้จ่ายภาษี แต่สรรพกรก็จะมีการเรียกเก็บย้อนหลังอย่างแน่นอน ดังนั้นทุกคนควรจ่ายภาษีให้ถูกต้อง และสำหรับใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจ กำลังมองหาบริการที่จะช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการสินค้าได้ง่ายขึ้น เราขอแนะนำ PassPack Fulfillment คลังสินค้าออนไลน์ใจกลางเมือง ราคากันเอง บริการเก็บ-แพ็ค-ส่งสินค้า แบบครบวงจร สะดวกสบาย รองรับด้วยบริษัทขนส่งที่ครอบคลุมมากที่สุด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *